หลักการใช้ปุ๋ยผสมผสาน : ประเมินสภาพดิน
สาระน่ารู้การใช้ปุ๋ยผสมผสาน
หลักการใช้ปุ๋ยแบบผสมผสาน ตอน การประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดินเพื่อเป็นแนวทางในการใช้ปุ๋ย
การประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดิน หมายถึง การตรวจสอบว่าดินมีระดับความอุดมสมบูรณ์สูง ปานกลาง หรือต่ำ เมื่อใช้สำหรับปลูกพืชชนิดหนึ่ง โดยอาศัยหลักในการประเมิน 3 วิธี คือ การสังเกตอาการผิดปกติของพืช การวิเคราะห์ดินและการวิเคราะห์พืช
- การสังเกตอาการผิดปกติของพืช
จากรายละเอียดของอาการขาดธาตุอาหารอันเป็นลักษณะเฉพาะ ซึ่งมีผู้อธิบายไว้ จึงใช้อาการผิดปกติที่ใบพืชเป็นแนวแนวทางเพื่อวินิจฉัยว่าขณะนั้นดินกำลังขาดธาตุใด อย่างไรก็ตาม ต้องเข้าใจด้วยว่าเมื่อพืชแสดงอาการขาดธาตุใดธาตุหนึ่งชัดเจน หมายความว่าพืชขาดธาตุนั้นค่อนข้างรุนแรง จำเป็นต้องแก้ไขด้วยการฉีดพ่นทางใบ จึงจะช่วยให้ดีขึ้น สำหรับอาการขาดธาตุอาหารแต่ละธาตุ ในแต่ละพืช ดังนั้นจึงควรศึกษารายละเอียดของธาตุอาหารที่จำเป็นของพืชแต่ละชนิดด้วย
- การวิเคราะห์ดินทางเคมี
จากการวิเคราะห์ดินเพื่อประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดิน โดยใช้วิธีทางเคมี แนวทางการประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดิน จากผลการวิเคราะห์ปริมาณอินทรียวัตถุ ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์และโพแทสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ เพื่อเป็นแนวทางในการใช้ปุ๋ยธาตุหลักเฉพาะพืช เช่น ข้าว พืชไร่ และพืชสวน ส่วนแนวทางการใช้ปุ๋ยจุลธาตุ ควรพิจารณาจากผลการวิเคราะห์ดิน โดยปกติดินที่มีอินทรียวัตถุสูงกว่า 2.5 % นอกจากจะปลดปล่อยไนโตรเจนในรูปที่เป็นประโยชน์ได้ค่อนข้างมากแล้ว ยังมีศักยภาพในการให้ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ธาตุรองและจุลธาตุที่เป็นประโยชน์ได้ค่อนข้างดีด้วย ซึ่งหลายธาตุมีแนวโน้มที่จะเพียงพอสำหรับพืช
- การวิเคราะห์พืชทางเคมี
ดำเนินการโดยการนำตัวอย่างเนื้อเยื่อพืชที่เหมาะสม (index tissue) มาวิเคราะห์ทางเคมี โดยทั่วไปนิยมใช้ตัวอย่างใบในการวิเคราะห์ ใบที่ใช้เรียกว่าใบดัชนี (index leaves) ทั้งนี้เพื่อหาความเข้มข้นของธาตุอาหารต่างๆ แล้วนำผลการวิเคราะห์มาเทียบกับค่ามาตรฐานหรือความเข้มข้นวิกฤตของแต่ละธาตุในพืชเดียวกันซึ่งมีผู้วิจัยไว้แล้ว ก็จะทราบว่าพืชดังกล่าวขาดแคลนธาตุอาหารใดบ้างและระดับขั้นของความขาดแคลนมากหรือน้อยเพียงใด
สาระน่ารู้การใช้ปุ๋ยผสมผสาน
หลักการใช้ปุ๋ยผสมผสาน : ประเมินสภาพดิน