ปุ๋ยนาข้าว : การเลือกปุ๋ย
สาระน่ารู้เกี่ยวกับปุ๋ยนาข้าว
การใช้ปุ๋ยนา ตอน แนวทางการเลือกปุ๋ย
แนวทางการเลือกปุ๋ย พิจารณาจากหลักการดังนี้
1. ชนิดของปุ๋ย
ปุ๋ยนาหมายถึงปุ๋ยที่ใส่ทางดินซึ่งเหมาะสำหรับข้าวที่ปลูกในดินนาน้ำขัง อาจจะเป็นปุ๋ยเชิงเดี่ยวหรือปุ๋ยเชิงผสมก็ได้ รูปของไนโตรเจนในปุ๋ยควรเป็นแอมโมเนียมหรือยูเรีย ไม่ควรใช้ปุ๋ยไนเทรตเนื่องจากสูญเสียง่ายในดินนาน้ำขัง โดยไนเทรตจะเข้าสู่กระบวนการดีไนตริฟิเคชัน แล้วกลายเป็นแก๊สระเหยออกไปจากดิน ส่วนปุ๋ยฟอสเฟตและปุ๋ยโพแทซนั้นไม่มีข้อจำกัด ปุ๋ยเคมีที่แนะนำให้ใช้กับนาข้าวต้องจดทะเบียนเป็น “ ปุ๋ยข้าว “ และกรมวิชาการเกษตรกำหนดใน พ.ศ. 2550 ว่า ปุ๋ยเคมีที่จะรับขึ้นทะเบียนเป็นปุ๋ยข้าว ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยเคมีที่นำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักรหรือผลิตปุ๋ยเคมีเพื่อการค้า ให้มีไนเทรตไนโตรเจนรวมอยู่ในไนโตรเจนทั้งหมด (total N)ได้ แต่จะนำไนเทรตไนโตรเจนมานับรวมกันกับไนโตรเจนที่จะทะเบียนเป็น “ สูตรปุ๋ยข้าว “ ไม่ได้ และทั้งนี้ไนโตรเจนทั้งหมดต้องไม่เกินเกณฑ์คลาดเคลื่อนขั้นสูงตามที่กำหนดไว้และมีข้อกำหนดด้วยว่าปุ๋ยเคมีที่มีสูตรซ้ำกับ “ สูตรปุ๋ยข้าว “ หรือปุ๋ยเคมีที่มีอัตราส่วนอาหารพืชซ้ำกับ “ สูตรปุ๋ยข้าว “ ที่กรมวิชาการเกษตรแนะนำ ให้ระบุข้อความว่า “ไม่แนะนำให้ใช้เป็นปุ๋ยข้าว “ เนื่องจากมีไนเทรตไนโตรเจนนับรวมอยู่ในไนโตรเจนทั้งหมด (ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่องกำหนดข้อความอื่นที่กำหนดให้มีในฉลาก ฉบับที่ 2 ลงวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ.2533)
2. สูตรปุ๋ยและอัตราปุ๋ย
แนวทางในการเลือกสูตรปุ๋ยและอัตราปุ๋ย เพื่อให้ได้ปริมาณธาตุหลักสอดคล้องกับผลการวิเคราะห์ดินตามตัวอย่างข้างต้น ซึ่งตรงกับคำแนะนำ มีการเลือกได้ 3 วิธี คือ
– วิธีที่ 1 ใช้แม่ปุ๋ย 3 ชนิด คือ ยูเรีย ( 46 – 0 – 0 ) ทริปเปิลซูเปอร์ฟอสเฟต ( 0 – 46 – 0 ) และโพแทสเซียมคลอไรด์ ( 0 – 0 – 60 ) สำหรับข้าวไม่ไวต่อช่วงแสง
– วิธีที่ 2 ใช้แม่ปุ๋ย 3 ชนิด คือ ยูเรีย ไดแอมโมเนียมฟอสเฟต ( 18 – 46 – 0 ) และโพแทสเซียมคลอไรด์ สำหรับข้าวไม่ไวต่อช่วงแสง
– วิธีที่ 3 ใช้ปุ๋ยสูตร 16 – 20 – 0 หรือสูตรใกล้เคียง ร่วมกับแม่ปุ๋ยยูเรีย ทริปเปิลซูเปอร์ฟอสเฟตและโพแทสเซียมคลอไรด์ ( 0 – 0 – 60 ) สำหรับข้าวไม่ไวต่อช่วงแสง
มีขั้นตอนการใช้ ดังนี้
– นำข้อมูลผลการวิเคราะห์ดินมาพิจารณาว่ามีอินทรียวัตถุ ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์และโพแทสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ อยู่ในเกณฑ์ต่ำ ปานกลางหรือสูง
– เลือกคำแนะนำอัตราธาตุอาหารให้ตรงกับชนิดของพันธุ์ข้าวปลูกว่าเป็นข้าวไม่ไวต่อช่วงแสงหรือข้าวไวต่อช่วงแสง
– ตรวจสอบจากวิธีการใช้ปุ๋ย วิธีที่ 1-3 ที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่า เกษตรกรสามารถจัดหาปุ๋ยแบบใดได้บ้าง หากปลูกข้าวไวต่อช่วงแสงก็คำนวณให้ได้อัตราปุ๋ยสอดคล้องกับผลการวิเคราะห์ดิน
3. การแบ่งใส่ปุ๋ย
ปุ๋ยเคมีที่ใช้ในนาควรใส่ในระยะการเจริญเติบโตของข้าวที่กำหนด โดยหว่านปุ๋ยให้ทั่วแปลงอย่างสม่ำเสมอ
ข้าวไม่ไวต่อช่วงแสง : การแบ่งใส่ปุ๋ยไนโตรเจน ฟอสฟอรัสและโพแทซควรดำเนินการดังนี้
– การใส่ปุ๋ยฟอสเฟตและปุ๋ยโพแทซ สำหรับนาดำควรใส่เป็นปุ๋ยรองพื้นก่อนปักดำหรือใส่หลังปักดำ 7 วัน ส่วนนาหว่านควรใส่ 15-20 วัน หลังจากข้าวงอก
– การใส่ปุ๋ยไนโตรเจน แบ่งใส่ 3 ครั้ง คือ
ครั้งที่ 1 ใส่พร้อมกับปุ๋ยฟอสเฟตและปุ๋ยโพแทซ
ครั้งที่ 2 ใส่ระยะข้าวแตกกอ (ประมาณ 30 วันหลังจากใส่ครั้งแรก)
ครั้งที่ 3 ใส่ระยะข้าวกำเนิดช่อดอก
ข้าวไวต่อช่วงแสง : การใส่ปุ๋ยไนโตรเจน ฟอสเฟตและโพแทซควรดำเนินการดังนี้
– การใส่ปุ๋ยฟอสเฟตและปุ๋ยโพแทส สำหรับนาดำควรใส่เป็นปุ๋ยรองพื้นก่อนปักดำหรือใส่หลังปักดำ 7 วัน ส่วนนาหว่านควรใส่ 15-20 วัน หลังจากข้าวงอก
– การใส่ปุ๋ยไนโตรเจน แบ่งใส่ 2 ครั้ง คือ
ครั้งที่ 1 ใส่พร้อมกับปุ๋ยฟอสเฟตและปุ๋ยโพแทส
ครั้งที่ 2 ใส่ระยะข้าวกำเนิดช่อดอก (ก่อนข้าวออกดอก 30 วัน)
4. การกำหนดวันใส่ปุ๋ย
การกำหนดวันใส่ปุ๋ยสำหรับข้าวไม่ไวต่อช่วงแสงและข้าวไวต่อช่วงแสงทำได้ดังนี้
– ข้าวไม่ไวต่อช่วงแสง : ข้าวประเภทนี้ออกดอกตามอายุและมีช่วงอายุเก็บเกี่ยวที่ค่อนข้างแน่นอนตามพันธุ์ สามารถเลือกช่วงเวลาปลูกที่ต้องการได้ตลอดปี สำหรับการใส่ปุ๋ยก็กำหนดตามอายุของข้าวด้วย เช่น กข 1 มีช่วงอายุ 125-135 วัน หากต้องการให้มีช่วงการผลิต 130 วัน ควรกำหนดการหว่านข้าวและการใส่ปุ๋ย ดังนี้
หว่านข้าว อายุ 0 วัน
ข้าวต้นเล็ก อายุประมาณ 15-20 วัน (ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 1)
ระยะแตกกอ อายุประมาณ 50 วัน (ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 2)
สร้างรวงอ่อน อายุประมาณ 70 วัน (ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 3)
ออกดอก อายุประมาณ 100 วัน
เก็บเกี่ยว อายุประมาณ 130 วัน
– ข้าวไวต่อช่วงแสง : ข้าวประเภทนี้สามารถกำหนดวันเก็บเกี่ยวโดยประมาณได้ เช่น ข้าวขาวมะลิ 105 วัน เก็บเกี่ยวประมาณ 25 พฤศจิกายน หากต้องการให้มีช่วงการผลิต 140 วัน ควรกำหนดการหว่านข้าวและการใส่ปุ๋ย ดังนี้
หว่านข้าว 5 กรกฎาคม
ข้าว อายุประมาณ 15-20 วัน 20-25 กรกฎาคม (ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 1)
สร้างรวงอ่อน 25 กันยายน (ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 2)
ออกดอก 25 ตุลาคม
เก็บเกี่ยว 25 พฤศจิกายน
– การหาระยะข้าวกำเนิดช่อดอก : โดยการสังเกตจากการมีตุ่มของช่อดอก อันเกิดจากตาดอกที่ข้อบนสุดของลำต้น ดังนั้นเมื่อใกล้จะถึงระยะแตกกอสูงสุด ควรเริ่มสุ่มตัวอย่างกอข้าวขึ้นมาตรวจสอบ เพื่อจะได้กำหนดวันใส่ปุ๋ยแต่งหน้าอย่างเหมาะสม สาเหตุที่ที่เน้นให้ใส่ปุ๋ยไนโตรเจนเป็นปุ๋ยแต่งหน้าเช่นนี้เพราะเมื่อเริ่มเกิดตุ่มของช่อดอกแล้ว ขั้นต่อไปจะมีการเปลี่ยนสภาพ (differentiation) เป็นช่อดอก หากได้รับปุ๋ยไนโตรเจนอย่างเพียงพอในขณะนั้น รวงข้าวที่ได้จะมีกิ่งแขนงของช่อดอก (ระแง้) ถี่และมีจำนวนเมล็ดมาก แต่ถ้าใส่ปุ๋ยแต่งหน้าช้า เมื่อตุ่มของช่อดอกเปลี่ยนสภาพเป็นช่อดอกแล้ว ปุ๋ยที่ให้อาจไม่ช่วยเพิ่มจำนวนดอกได้อีกแต่อาจกระตุ้นให้เกิดการแตกหน่อใหม่ซึ่งไม่มีรวง (nonproductive tiller) หากใส่ปุ๋ยไนโตรเจนแต่งหน้าก่อนระยะกำเนิดช่อดอก ปุ๋ยอาจกระตุ้นให้แตกหน่อเพิ่มเติมเช่นกัน ซึ่งไม่เหมาะสมเนื่องจากการสร้างหน่อใหม่ ต้องดึงคาร์โบไฮเดรตสะสมในต้นและใบ ที่ควรใช้สร้างรวงออกมาบางส่วน เป็นเหตุให้อาหารสะสมเหลือไม่เพียงพอสำหรับสร้างเมล็ดอย่างเต็มที่ จนเป็นเหตุให้เมล็ดข้าวบางส่วนลีบ
วิธีหาระยะกำเนิดช่อดอก มีดังนี้
- สุ่มถอนกอข้าว 3-4 กอ สำหรับนาดำและ 5-6 กอสำหรับนาหว่าน นำแต่ละกอมาแยกหาต้นเดิม ใช้เฉพาะต้นเดิมสำหรับผ่าตรวจหาตุ่มของช่ออ่อน
- ผ่าลำต้นข้าวตามยาวด้วยใบมีดให้ผ่านกึ่งกลางลำต้น หากข้าวอยู่ในระยะกำเนิดช่อดอก จะพบตุ่มของช่อดอกอ่อนขนาดประมาณ 2 มิลลิเมตร ปรากฏอยู่ที่ข้อบนสุด หากยังไม่พบลักษณะดังกล่าวก็ให้สุ่มตัวอย่างใหม่อีก 2-3 วันต่อมา
- เมื่อตรวจพบรวงอ่อนใน 5 ต้นจาก 10 ต้น ก็รีบใส่ปุ๋ยไนโตรเจนเป็นปุ๋ยแต่งหน้าตามอัตราที่กำหนด







ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ