ปุ๋ยใบ G2 คำถามจากผู้ใช้

ปุ๋ยใบ G2 คำถามจากผู้ใช้

 

1. เกษตรกรจำเป็นจะต้องใช้สารจับใบร่วมกับปุ๋ยใบ G2 หัวเชื้อนาโนชีวภาพ หรือไม่

หากเกษตรกรฉีดพ่นปุ๋ยใบ G2 เป็นฝอยละเอียดดี ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ร่วมกับสารจับใบ แต่หากว่าหัวที่ใช้ฉีดพ่นออกมาไม่เป็นฝอยละเอียด ออกมาเป็นเม็ดใหญ่ หรือ มีการฉีดพ่นซ้ำๆจนละอองของปุ๋ยรวมกันเป็นเม็ดใหญ่และไหลตกจากใบเร็วขึ้นกว่าปกติ หรือหากใบบางชนิดที่ละอองปุ๋ยไม่จับกับใบ แนะนำเลือกใช้สารจับใบร่วมด้วย จะช่วยให้ปุ๋ยจับใบและดูดซึมนำไปใช้ได้ดีกว่า

2. เกษตรกรสามารถใช้ปุ๋ยใบ G2 ร่วมกับยาฆ่าแมลงได้หรือไม่

หลักการที่ดีในการใช้ปุ๋ยใบ G2 ควรใช้เพียงแค่อย่างเดียวเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงที่สุดมากกว่าการใช้ร่วมกับสารเคมีรอื่นๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อปริมาณการรับสารอาหารของพืชได้ แต่ในกรณีฉุกเฉินหรือกรณีจำเป็นเช่นเกิดการระบาดของแมลงศัตรูพืชอย่างรุนแรง สามารถใช้ยาฆ่าแมลงร่วมด้วยได้ โดยการผสมสารกำจัดแมลงศัตรูพืชคนกับน้ำให้ทั่ว แล้วจึงผสมปุ๋ยใบ G2 ร่วมด้วยตามหลัง

3. เกษตรกรสามารถใช้ปุ๋ยใบ G2 ในมะนาว ส้ม มะขาม และเห็ดฟางได้หรือไม่

ปุ๋ยใบ G2 สามารถใช้ได้กับพืชทุกชนิด โดยมีความแตกต่างกันที่ปริมาณอัตราการใช้และช่วงเวลาที่ใช้ โดยมีคำแนะนำในการใช้แยกเป็นกลุ่มผักกินใบ พืชไร่ และไม้ผล

4. เมื่อเกษตรกรใช้ปุ๋ยใบ G2 แล้วจำเป็นจะต้องใช้ปุ๋ยทางดินร่วมด้วยหรือไม่ หรือใช้เพียงแค่ปุ๋ยใบ G2 อย่างเดียวได้หรือไม่

การให้ปุ๋ยใบ G2 เพียงอย่างเดียว พืชจะได้รับธาตุอาหารที่ครบถ้วนเพียงพอสำหรับการให้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูง และปริมาณสูงอยู่แล้วจึงสามารถใช้ตัวเดียวได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องใช้ร่วมกับปุ๋ยทางดิน โดยเฉพาะหากว่ามีการตกค้างสารเคมีในดินมากจากปุ๋ยเคมีที่ใช้ เกิดการตรึงธาตุในดินหรือดินมีความเป็นกรดสูงเกินไปจนทำให้พืชไม่สามารถรับธาตุอาหารได้ดี ในกรณีนี้จึงการให้ปุ๋ยทางใบเป็นทางเดียวที่มีประสิทธิภาพที่สุด

ส่วนในพืขที่เป็นไม้ผล ควรฉีดพ่นปุ๋ยใบ G2 ลงบนดินในบริเวณช่วงปลายรอบๆทรงพุ่มร่วมด้วย เพื่อเป็นการช่วยเติมธาตุอาหารให้กับพืชและจุลินทรีย์ในดิน ซึ่งจะช่วยปรับสภาพดินให้ดีขึ้นได้อีกด้วย

5. เกษตรกรควรฉีดพ่นปุ๋ยใบ G2 ในช่วงเวลาไหนจึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการฉีดพ่นปุ๋ยใบคือช่วง ตีห้าถึงเจ็ดโมงเช้า และช่วงหกโมงเย็นถึงสองทุ่ม แล้วแต่ความสะดวกของเกษตรกร เพราะว่าในช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงที่ปากใบของพืชเปิดมากที่สุด และละอองของปุ๋ยใบที่ฉีดพ่นให้พืช สามารถจับบนใบได้นานที่สุด

อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่พื้นที่ในการทำการเกษตรมีขนาดใหญ่ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาในการฉีดพ่นที่นานเกินกว่าช่วงเวลาที่กำหนด ก็สามารถที่จะฉีดพ่นในช่วงเช้าไม่เกินเวลาสิบโมงเช้าได้ และช่วงเย็นสามารถเริ่มฉีดก่อนตั้งแต่สี่โมงเย็นเป็นต้นไปได้ เพราะว่าในช่วงเวลาที่กล่าวนี้ พืชจะเปิดปากใบได้ดีมากกว่าในช่วงเวลากลางวัน ซึ่งอากาศค่อนข้างร้อนมากกว่ามาก และมีความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศน้อยกว่าช่วงที่แนะนำ ทำให้ละอองของปุ๋ยระเหยไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเกษตรกรสามารถแก้ไขด้วยการใช้สารจับใบ หรือสารที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพที่มีคุณภาพมีผสมได้

6. เกษตรกรสามารถใช้ยากำจัดวัชพืชในนาข้าวหรือในไร่สัปปะรดร่วมกับปุ๋ยใบ G2 ด้วยได้หรือไม่

ไม่ควรผสมยากำจัดวัชพืชร่วมกับปุ๋ยใบ G2 เพราะมีคุณสมบัติที่ขัดแย้งกัน และจะหักล้างกันเอง ถ้าหากต้องการใช้ยากำจัดวัชพืช ควรฉีดพ่นปุ๋ยใบ G2 ก่อน 3-5 วัน แล้วจึงค่อยใช้ยากำจัดวัชพืช หรือหากใช้ยากำจัดวัชพืชก่อน ควรทิ้งห่างอย่างน้อย 5 วันจึงจะทำการฉีดพ่นปุ๋ยใบ G2 ได้

7. เนื่องจากในปุ๋ยใบ G2 มีสารป้องกันและไล่แมลงอยู่แล้ว จำเป็นต้องใช้สารเคมีไล่แมลงอื่นๆหรือไม่

หน้าที่หลักของปุ๋ยใบ G2 หัวเชื้อนาโนชีวภาพคือการเพิ่มผลผลิต ย่นระยะเวลาการผลิต ช่วยในการเจริญเติบโตให้พืชแข็งแรง เพื่อให้ผลผลิตมีคุณภาพสูง และได้ใส่สารป้องกันและไล่แมลงที่เป็นธรรมชาติ ไม่มีสารเคมีลงไปเป็นส่วนประกอบ เพื่อช่วยป้องกันและไล่แมลงได้ในระดับหนึ่ง โดยในพืชผักและพืชไร่ ควรใช้ตั้งแต่เมื่อเริ่มปลูก ซึ่งจะเห็นผลดีทั้งในด้านผลผลิตและการป้องกันและไร่แมลงตั้งแต่ช่วงแรกๆ ส่วนในพืชสวนต้องใช้ต่อเนื่องกัน 1-2 ปี ถึงจะเห็นผลชัดในด้านการป้องกันและไล่แมลง ส่วนการเห็นผลลัพธ์ด้านผลผลิตอยู่ที่ประมาณ 4 เดือนเป็นต้นไป

และในกรณีพิเศษ เช่นเกิดการระบาดของแมลงศัตรูพืชอย่างรุนแรง ก็สามารถใช้สารกำจัดศัตรูพืชร่วมด้วยได้ เพื่อป้องกันความเสียหายในช่วงนั้น

8. ปุ๋ยใบ G2 มีสารที่เป็นอันตรายต่อคนและสัตว์หรือไม่

ปุ๋ยใบ G2 ไม่มีอันตรายต่อคนและสัตว์ และยิ่งไปกว่านั้นสามารถผสมปุ๋ยใบ G2 กับอาหารหรือน้ำให้สัตว์เลี้ยงรับประทานเพื่อให้ได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ได้ เช่น หมู เป็ด ไก่ กุ้ง กุ้งกุลาดำ และสัตว์น้ำอื่นๆ โดยอัตราในการผสมคือ ใส่ปุ๋ยใบ G2 หัวเชื้อนาโนชีวภาพ ปริมาณ 10 ซี.ซี. ผสมกับน้ำ 1 ลิตร (10 ซี.ซี.) หรืออาหารของสัตว์เลี้ยง 1 กิโลกรัม คลุกเคล้าผสมกันให้ทั่ว แล้วนำไปให้สัตว์เลี้ยง ได้รับการศึกษาวิจัยและทดลองทั้งในทางทฤษฎีและปฏิบัติจริงแล้วว่าให้ผลดีกับสัตว์เลี้ยง ทำให้สัตว์เลี้ยงได้รับสารอาหารทีมีประโยชน์สูง

9. เนื่องจากตามข้อกำหนดวิธีการใช้ปุ๋ยใบ G2 ต้องมีการฉีดพ่นปุ๋ยใบ G2 อย่างต่อเนื่องในทุกๆ 7-15 วัน หากว่าเกษตรกรไม่มีเวลาฉีด หรือข้ามไป ไม่ตรงกำหนด จะยังได้ผลหรือไม่

หากไม่ได้ฉีดพ่นตามเวลาที่กำหนด ก็ยังจะได้ผลดีต่อพืชอยู่ โดยไม่มีผลเสียหายต่อพืช แต่ผลอาจจะลดน้อยลงไปบ้าง

10. เกษตรกรสามารถพิจารณาจากหลักการใดได้บ้าง เพื่อตรวจสอบว่าวิธีการให้ปุ๋ยทางดินที่ใช้อยู่เริ่มด้อยประสิทธิภาพ หรือเกิดการตรึงธาตุอาหารในดินทำให้พืชไม่ได้รับสารอาหารพอเพียง และจำเป็นต้องเสริมด้วยการให้ปุ๋ยทางใบยิ่งกว่าสภาวะปกติ

เกษตรกรสามารถตรวจสอบสภาวะของพืชในขั้นต้นได้ด้วยวิธีดังนี้
1. โดยการสังเกตจากพืช ว่าแม้ว่าจะให้ปุ๋ยทางดินมากก็ตาม แต่พืชก็ยังเจริญเติบโตช้า ให้ผลผลิตได้ช้า และไม่มีคุณภาพ ปริมาณน้อย เป็นต้น
2. โดยการสังเกตจากสีของใบ ใบจะมีสีเหลือง แคระแกรน ไม่อวบ หรือปลายใบไหม้ได้
3. ตรวจสอบสภาพของดินด้วยการใช้เครื่องวัดค่าความเป็นกรดเป็นด่าง หรือค่า PH หรือใช้กระดาษลิตมัส ในการตรวจสอบสภาพดินว่ามีความเป็นกรดหรือความเป็นด่างสูงหรือไม่
4. วิธีการนี้เป็นวิธีที่แน่นอนและเป็นมาตราฐานดีมากที่สุด คือการส่งตัวอย่างดินไปวิเคราะห์ที่มหาวิทยาลัย เช่น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยการนำตัวอย่างดินลึกลงไป 1 ฟุต เลือกสุ่มมา 5-6 จุดในพื้นที่เกษตร และนำมาเคล้ารวมกัน แล้วจึงส่งตรวจไปที่กองวิเคราะห์ตรวจสอบคุณสมบัติของดิน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์