ปุ๋ยระบบเกษตรอินทรีย์: การเลือกพื้นที่และหลักการบำรุงดิน
สาระน่ารู้เรื่องปุ๋ยแบบระบบเกษตรอินทรีย์
การใช้ปุ๋ยแบบระบบเกษตรอินทรีย์
การเลือกพื้นที่
พื้นที่ผลิตพืชอินทรีย์ควรเลือกบริเวณซึ่งทราบประวัติการปลุกพืช ห่างจากแหล่งมลพิษและแปลงที่ใช้สารเคมี มีแหล่งน้ำที่พอเพียง สภาพพื้นที่เหมาะสมกับพืชที่ต้องการปลุกและดินมีความอุดมสมบูรณ์กลางถึงสูง อาจเป็นพื้นที่ใหม่ที่ไม่เคยทำการเกษตรมาก่อน หรือพื้นที่ปลูกพืชแบบธรรมดาก็ได้ สำหรับพื้นที่ที่ไม่เคยทำการเกษตรมาก่อน อาจไม่ต้องมีระยะเวลาในการปรับเปลี่ยน (transition period) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลการวิเคราะห์ด้วยว่าตัวอย่างดินหรือข้อมูลดินที่ให้ ซึ่งองค์กรรับรองคุณภาพเป็นผู้วินิจฉัยและถ้าเปลี่ยนจากการปลุกแบบธรรมดามาเป็นการเกษตรอินทรีย์ตามมาตรฐาน จะต้องมีระยะเวลาในการปรับเปลี่ยนดังนี้ คือ พืชล้มลุกใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี และพืชยืนต้นต้องใช้เวลากว่า 3 ปี ส่วนระยะเวลาในการปรับเปลี่ยนที่เหมาะสม องค์กรรับรองคุณภาพจะพิจารณาเป็นรายๆไป
สำหรับสมบัติของดินในพื้นที่ซึ่งเลือกใช้สำหรับปลูกพืชในระบบเกษตรอินทรีย์นั้นเกี่ยวข้องกับความยากง่ายของการทำงาน ต้นทุนและช่วงเวลาที่ใช้เพื่อให้เกิดความสำเร็จ กล่าวคือถ้าเลือกดินที่มีผลิตภาพสูง ก็จะใช้ต้นทุนต่ำและใช้ช่วงเวลาในการพัฒนาสั้นกว่าดินที่มีผลิตภาพต่ำ ทั้งนี้เนื่องจากสมบัติพื้นฐานด้านฟิสิกส์และเคมีดีอยู่แล้ว เพียงแต่เพิ่มระดับอินทรียวัตถุให้สูงเพียงพอ เพื่อให้ดินเป็นแหล่งธาตุอาหารพืชที่สมบูรณ์โดยไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมี แต่ถ้าเลือกพื้นที่ดินมีสมบัติทางฟิสิกส์และเคมีไม่ดีแล้ว การพัฒนาต้องเริ่มจากการปรับปรุงสมบัติทั้ง 2 ด้านให้เหมาะสมก่อน

โดยปกติดินซึ่งมีเนื้อดินต่างกันจะมีความอุดมสมบูรณ์ดั้งเดิมแตกต่างกัน กล่าวคือดินทราบมีกำเนิดจากวัตถุต้นกำเนิดดินที่มีธาตุอาหารน้อย จึงมีความอุดมสมบูรณ์ดั้งเดิมต่ำกว่าดินเนื้อละเอียด การพัฒนาให้ดินมีความสามารถในการสนองธาตุอาหารพืชอย่างครบถ้วนและเพียงพอนั้น จำเป็นต้องบำรุงดินให้มีอินทรียวัตถุสูง เป็นเหตุให้ต้องใช้ปุ๋ยอินทรีย์ตลอดจนวัสดุบำรุงดินอื่นๆมาก ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงและใช้เวลมาก
กว่าจะประสบความสำเร็จ
แนวทางการปรับปรุงหน้าดิน
ดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูกทั่วไป ควรมีองค์ประกอบโดยปริมาตรดังนี้ คือ อนินทรยสาร 45% อินทรียวัตถุ 5 % น้ำ 25 % และอากาศ 25 % สำหรับอินทรียวัตถุในดินมีความหนาแน่น 0.7-0.8 กรัม/ลบ.ซม. ดังนั้นดินที่เหมาะแก่การปลูกพืชจึงควรมีอินทรียวัตถุ 3.5-4.0 % โดยน้ำหนัก ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์สูง ดินที่ใช้ปลูกพืชในระบบเกษตรอินทรีย์ จึงต้องบำรุงด้วยปุ๋ยอินทรีย์จนกระทั่งมีอินทรียวัตถุอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างสูง 2.6 -3.5 % เป็นอย่างน้อย ซึ่งช่วยให้ดินมีสภาพที่เหมาะสม 3 ประการ คือ
- ดินสามารถปลดปล่อยธาตุอาหารหลัก ธาตุรองและจุลธาตุ ให้แก่พืชที่ปลูกอย่างพอเพียงและสมดุลในลักษณะต่อเนื่อง โดยไม่ต้องใส่ปุ๋ยเคมีใดๆแต่ใช้ได้เฉพาะสารที่ได้รับอนุญาต
- มีสมบัติทางกายภาพเหมาะสม เช่น การอุ้มน้ำ การระบายน้ำและการถ่ายเทอากาศดี เนื่องจากมีโครงสร้างดีและมีเสถียรภาพ ตลอดจนไม่แน่นทึบ เป็นสภาพที่เอื้อต่อการไชชนของรากทั้งแนวดิ่งและแนวราบ เพื่อดูดธาตุอาหารในรูปที่เป็นประโยชน์ น้ำและอากาศในชั้นดินได้กว้างและลึก
- มีสมบัติทางเคมี เช่น ความจุในการแลกเปลี่ยนแคตไอออนและความจุบัฟเฟอร์สูง ดินจึงมีความสามารถดูดซับธาตุอาหารพวกแคตไอออนได้มาก และต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพกรดด่างในดินได้ดีขึ้น




