ปุ๋ยระบบเกษตรอินทรีย์ : การปลูกพืชหมุนเวียน

สาระน่ารู้เรื่องปุ๋ยแบบระบบเกษตรอินทรีย์

การใช้ปุ๋ยแบบระบบเกษตรอินทรีย์ การปลูกพืชหมุนเวียนหลักการทั่วไป

 

การปลูกพืชหมุนเวียน (crop rotations) เป็นเทคโนโลยีหลักที่ทำให้การผลิตพืชในระบบการเกษตรแบบอินทรีย์ประสบความสำเร็จ การปลูกพืชหมุนเวียน คือระบบการปลูกพืชที่ใช้พืชหลายชนิด อันประกอบด้วยพืชทำเงิน (cash crop) และพืชแทรก (break crops) ปลูกต่อเนื่องตามกันในพื้นที่เดียวกัน การนำระบบนี้มาใช้ในการผลิตพืชล้มลุกแบบเกษตรอินทรีย์ เพื่อต้องการให้พืชแทรกทำหน้าที่เพิ่มพูนความอุดมสมบูรณ์ของดินในช่วงเวลาหนึ่ง (a fertility building phase) และการปลูกพืชทำเงินในช่วงของการสร้างรายได้ (income generating phase) ซึ่งเป็นช่วงที่พืชใช้ธาตุอาหารซึ่งเคยสะสมไว้ในดิน (exploitation phase) สำหรับพืชแทรกจะทำหน้าที่อย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ใน 4 ข้อ ดังนี้

 ปุ๋ยระบบเกษตรอินทรีย์--การปลูกพืชหมุนเวียน5

1.เพิ่มธาตุอาหารในดิน ตลอดจนอนุรักษ์และหมุนเวียนธาตุอาหารในดิน

2. ปรับปรุงสมบัติทางฟิสิกส์ในดิน

3. ตัดวัฏจักรชีวิตของโรคและแมลงซึ่งเป็นศัตรูพืชทำเงิน

4. ควบคุมวัชพืช

 

สำหรับพืชแทรกที่ดีซึ่งเกษตรกรสนใจนำมาปลูกในระบบพืชปลูกหมุนเวียนนั้น นอกจากจะใช้ประโยชน์ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังควรให้ผลผลิตที่สามารถนำมาจำหน่ายได้ด้วย หากสามารถเลือกพืชมาใช้ในระบบการปลูกพืชหมุนเวียนได้อย่างเหมาะสมแล้ว จะลดภาระในการจัดหาปุ๋ยจากภายนอกมาใช้ในการบำรุงดิน การปลูกพืชหมุนเวียนในระบบเกษตรอินทรีย์มี 2 ระบบ คือ

 ปุ๋ยระบบเกษตรอินทรีย์--การปลูกพืชหมุนเวียน3

  1. ระบบปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ (stocked rotation) ระบบนี้มีการปลูกธัญพืช พืชตระกูลถั่ว พืชอาหารสัตว์และเลี้ยงสัตว์ควบคู่กันไป จึงได้รับไนโตรเจนจากการปลูกพืชตระกูลถั่ว การพรวนกลบซากและปุ๋ยคอก
  2. ระบบปลูกพืชโดยไม่เลี้ยงสัตว์ (stockless rotation) ระบบนี้อาจต้องนำปุ๋ยคอกจากภายนอกมาบำรุงดิน เพิ่มเติมจากการใช้พืชแทรกในระบบที่ดำเนินการอยู่แล้ว ดังนั้นในระบบนี้ธาตุอาหารสำหรับพืชจึงได้มากจาก 3 แหล่ง คือ ปุ๋ยอินทรีย์จากภายนอก ไนโตรเจนที่ได้มาจากการปลูกพืชตระกูลถั่วและการพรวนกลบซากพืช

 

ความอุดมสมบูรณ์ของดิน

การจัดการด้านความอุดมสมบูรณ์ในระบบการเกษตรอินทรีย์ คือ การใช้แหล่งธาตุอาหารในฟาร์มให้เกิดประโยชน์สุงสุดและสูญหายน้อยที่สุด ซึ่งมีหลักการสำคัญดังนี้

 ปุ๋ยระบบเกษตรอินทรีย์--การปลูกพืชหมุนเวียน4

1.ไนโตรเจน เป็นธาตุที่พืชต้องการมาก จึงต้องจัดการให้ปริมาณของธาตุอาหารนี้ที่ปลดปล่อยออกมาจากดินเพียงพอกับความต้องการของพืชด้วย โดยการปลูกพืชตระกูลถั่วเป็นพืชแทรกเพื่อเพิ่มไนโตรเจนในดิน การใส่ปุ๋ยหมักหือปุ๋ยคอก รวมทั้งการพรวนกลบซากพืชเพื่อหมุนเวียนธาตุอาหารในชั้นดินระดับความลึกต่างๆและลดการสูญหายของธาตุอาหารนี้ในรูปแก๊สและการชะล้าง ในส่วนของไนโตรเจนที่ดินได้จากพืชนั้น พืชตระกูลถั่วเป็นแหล่งไนโตรเจนที่สำคัญที่สุด เช่น อัลฟัลฟา ให้ 24-32 กิโลกรัม N./ไร่ ถั่วเหลืองให้ 9.6 กิโลกรัม N./ไร่ การปลูกพืชหมุนเวียนด้วยระบบ ข้างโพด – ถั่วเหลือง – ข้าวโพด – ข้าวโอ๊ต – อัลฟัลฟา – อัลฟัลฟานั้น ถ้าอัลฟัลฟาให้ไนโตรเจนปีละ 24 กิโลกรัมและถั่วเหลืองให้ไนโตรเจนปีละ 9.6 กิโลกรัม ไนโตรเจนที่เพิ่มลงไปจากการตรึงไนโตรเจนในรอบ 7 ปี จะสูงถึง 81.6 กิโลกรัม/ไร่ หากคิดเฉพาะช่วงเวลา 4 ปีที่ปลูกถั่วเหลือและอัลฟัลฟาแล้ว จะได้ไนโตรเจนปีละ 20.4 กิโลกรัม/ไร่

 ปุ๋ยระบบเกษตรอินทรีย์--การปลูกพืชหมุนเวียน2

หลักการเลือกพืชเพื่อนำมาใช้ในระบบการปลูกพืชหมุนเวียน

 

– ปลูกพืชหมุนเวียนพืชรากลึกกับรากตื้น เพื่อปรับปรุงโครงสร้างดิน การถ่ายเทอากาศ การอุ้มน้ำและการระบายน้ำ

– ปลูกพืชหมุนเวียนโดยการสลับพืชที่มีชีวมวลของรากมากกับน้อย เพื่อให้พืชที่มีชีวมวลมากช่วยเพิ่มอินทรียวัตถุในดิน ซึ่งจะช่วยเพิ่มประชากรพืชและสัตว์ในดิน

– ปลูกพืชตระกูลถั่วหมุนเวียนกับพืชที่ต้องการไนโตรเจนมาก เพื่อสร้างสมดุลของการสะสมและใช้ไนโตรเจนจากดินระหว่างพืชต่างชนิด

– ปลูกพืชที่สามารถข่มวัชพืชได้สลับกับพืชที่ถูกวัชพืชข่ม เพื่อรบกวนวัฏจักรชีวิตของวัชพืชเพื่อลดประชากรของวัชพืชบางส่วน

– ปลุกพืชที่ทนทานต่อโรคและแมลงศัตรูพืชแตกต่างกัน เพื่อตัดวัฏจักรชีวิตของโรคและแมลงศัตรูพืช ลดพืชอาศัยของศัตรูพืชในบางช่วง

– ปลูกพืชทำเงิน (cash crops) พืชปุ๋ยสดและพืชคลุมดิน เพื่อให้มีพืชปกคลุมผิวดินเพื่อป้องกันการกัดกร่อน

– ปลูกพืชที่เหมาะสมกับสภาพดินและภูมิอากาศ เพื่อให้พืชมีการเจริญเติบโตได้ดี

– ปลูกพืชที่เป็นอาหารสัตว์และพืชที่ทำเงินอย่างสมดุล เพื่อรับระบบการปลูกพืชให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและระบบนิเวศน์ที่ดี

– ปลูกพืชที่ต้องใช้แรงงานมากสลับกับพืชที่ใช้แรงงานน้อย เพื่อป้องกันการขาดแคลนแรงงาน

– กำหนดช่วงเวลาการไถพรวนให้เหมาะสม เพื่อให้เกิดสมดุลระหว่างผลดีของการไถพรวน คือ การกำจัดวัชพืชกับผลเสีย คือ การรบกวนสัตว์ในดินและเร่งสลายของอินทรียวัตถุ

 

สำหรับการปลดปล่อยไนโตรเจนจากซากพืชภายหลังการไถกลบนั้น ในดินของออสเตรเลียพบว่า พืชที่ปลูกตามมา สามารถนำมาใช้ได้ 15 % ส่วนอีก 75 % อยู่กับอินทรียวัตถุในดิน สำหรับอัลฟัลฟาที่ปลูกในระบบพืชหมุนเวียนและตรึงไนโตรเจนได้ปีละ 24 กิโลกรัม/ไร่นั้น ให้ธาตุนี้ประมาณ 5 กิโลกรัม/ไร่ ต่อน้ำหนักพืชสดที่ไถกลบลงไป 1 ตัน

ปุ๋ยระบบเกษตรอินทรีย์--การปลูกพืชหมุนเวียน1

2.ธาตุฟอสฟอรัส โพแทสเซียมและธาตุอื่นๆ ได้มาจากการใช้ปุ๋ยคอกและปุ๋ยหมัก รวมทั้งแร่ที่อนุญาตให้ใช้ได้ในระบบการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์จะเอื้อต่อการเพิ่มธาตุอาหารเหล่านี้ในแปลงพืช โดยการใช้ปุ๋ยคอกที่มีในฟาร์ม

 

 

สาระน่ารู้เรื่องปุ๋ยแบบระบบเกษตรอินทรีย์

 

ปุ๋ยระบบเกษตรอินทรีย์ : การปลูกพืชหมุนเวียน

ปุ๋ยระบบเกษตรอินทรีย์ : การปลูกพืชหมุนเวียน