หลักการใช้ปุ๋ยผสมผสาน : วิธีวัดประสิทธิภาพ
สาระน่ารู้การใช้ปุ๋ยผสมผสาน
หลักการใช้ปุ๋ยแบบผสมผสาน ตอน วิธีวัดประสิทธิภาพ
ประสิทธิภาพ คือ ความสามารถที่ทำให้เกิดผลในการทำงาน หากพิจารณาในแง่การผลิต ประสิทธิภาพในการผลิต คือ ผลผลิต (product) ที่ได้ต่อหน่วยของทรัพยากรหรือวัตถุดิบที่ใช้ สำหรับการใช้ปุ๋ยเพื่อบำรุงให้พืชเจริญเติบโตนั้น เนื่องจากปุ๋ยมีธาตุอาหารเป็นองค์ประกอบจึงถือว่าปุ๋ยเป็นวัตถุดิบชนิดหนึ่งซึ่งพืชดูไปใช้แล้วก่อให้เกิดผลผลิตและสามารถคำนวณหาประสิทธิภาพของปุ๋ยได้
สำหรับปุ๋ยที่พืชได้รับจากปุ๋ยอยู่ที่ธาตุอาหารซึ่งเป็นองค์ประกอบของปุ๋ยนั้น การศึกษาจึงเน้นไปที่ประสิทธิภาพการใช้ธาตุอาหาร (nutrient use efficiency) ส่วนวิธีวัดประสิทธิภาพการใช้ธาตุอาหารในปุ๋ยมี 3 วิธี คือ ประสิทธิภาพการผลิตพืช (agronomic efficiency ) หรือประสิทธิภาพผลผลิต (yield efficiency) ประสิทธิภาพการดูดธาตุอาหารจากปุ๋ย (apparent recovery efficiency) และประสิทธิภาพเชิงสรีระ (physiological efficiency)
1. ประสิทธิภาพการผลิตพืช (agronomic efficiency )
ประสิทธิภาพการผลิตพืช คือ ผลผลิตพืชส่วนที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ (economic production) ซึ่งเพิ่มขึ้นต่อหน่วยของธาตุอาหาร จึงมีหน่วยกิโลกรัม (ผลผลิต)/ กิโลกรัม (ธาตุอาหาร) การทดลองใช้ปุ๋ยไนโตรเจน (N) กับธัญพืชอาจคำนวณประสิทธิภาพการผลิตได้ ดังนี้
ถ้า Yf = ผลผลิตพืชที่ได้เมื่อใส่ปุ๋ย (กิโลกรัม/ไร่)
Yc = ผลผลิตพืชที่ได้เมื่อไม่ใส่ปุ๋ย (กิโลกรัม/ไร่)
Fn= อัตราปุ๋ยไนโตรเจน (กิโลกรัม.N./ไร่)
ดังนั้น ( Yf – Yc ) = ผลผลิต (กิโลกรัม/ไร่) ที่เพิ่มจากการใส่ปุ๋ยอัตรา Fn กิโลกรัม.N./ไร่
ประสิทธิภาพการผลิตพืช =( Yf – Yc ) / Fn กิโลกรัม.ผลผลิต/กิโลกรัม.N.
เนื่องจากผลผลิตที่นำมาใช้ในการคำนวณ เป็นผลผลิตที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจหรือนำไปจำหน่ายได้ จึงเรียกประสิทธิภาพการผลิตอีกอย่างหนึ่งว่าประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ (economic efficiency)
2. ประสิทธิภาพการดูดธาตุอาหารจากปุ๋ย
ประสิทธิภาพการดูดธาตุอาหารจากปุ๋ย คือ อัตราส่วนของปริมาณธาตุอาหารจากปุ๋ยที่พืชดูดมาได้กับปริมาณธาตุอาหารในปุ๋ยที่ใส่ หากคูณด้วยร้อยจะได้อัตราร้อยละ ซึ่งหมายความถึงน้ำหนักของธาตุอาหารที่พืชดูดได้จากปุ๋ย เมื่อมีธาตุอาหารในปุ๋ยที่ใส่หนึ่งร้อยหน่วย จากการทดลองใช้ปุ๋ยไนโตรเจน (N) จะคำนวณได้ดังนี้
ถ้า Nf = ไนโตรเจนทั้งหมดในพืชที่ใส่ปุ๋ย (กิโลกรัม.N./ไร่)
Nc = ไนโตรเจนทั้งหมดในพืชที่ไม่ใส่ปุ๋ย (กิโลกรัม.N./ไร่)
Fn = อัตราปุ๋ยไนโตรเจนที่ใส่ (กิโลกรัม.N./ไร่)
ดังนั้น (Nf – Nc ) = ไนโตรเจนทั้งหมดในพืชที่เพิ่มขึ้นเมื่อใส่ปุ๋ยอัตรา Fn กิโลกรัม.N./ไร่
ประสิทธิภาพการดูดธาตุอาหารจากปุ๋ย (%) = ( Nf – Nc ) x 100/Fn
3. ประสิทธิภาพเชิงอิสระ
ประสิทธิภาพเชิงอิสระ คือ ผลผลิตพืชที่ได้ต่อหน่วยของธาตุอาหารจากปุ๋ยที่พืชดูดมาได้ อาจเรียกว่าประสิทธิภาพทางชีวะ (biological efficiency) ก็ได้ คำนวณประสิทธิภาพเชิงสรีระ (กิโลกรัม.ผลผลิต/ กิโลกรัม.N.) จากการทดลองใช้ปุ๋ยไนโตรเจน (N) อาจคำนวณได้ดังนี้
ถ้า Yf = ผลผลิตพืชที่ได้เมื่อใส่ปุ๋ย (กิโลกรัม/ไร่)
Yc = ผลผลิตพืชที่ได้เมื่อไม่ใส่ปุ๋ย (กิโลกรัม/ไร่)
Nf = ไนโตรเจนทั้งหมดในพืชที่ใส่ปุ๋ย (กิโลกรัม.N./ไร่)
Nc = ไนโตรเจนทั้งหมดในพืชที่ไม่ใส่ปุ๋ย (กิโลกรัม.N./ไร่)
(Yf – Yc) = ผลผลิต (กิโลกรัม/ไร่) เพิ่มขึ้นจากการใส่ปุ๋ยอัตรา Fn กิโลกรัม.N./ไร่
และ (Nf – Nc) = ไนโตรเจนทั้งหมดในพืชที่เพ่มขึ้นเมื่อใส่ปุ๋ยอัตรา Fn กิโลกรัม.N./ไร่
ประสิทธิภาพเชิงสรีระ = (Yf – Yc)/(Nf – Nc) กิโลกรัม.ผลผลิต/กิโลกรัม.N.
ประสิทธิภาพเชิงสรีระจะมีค่าสูงหรือต่ำ ขึ้นอยู่กับอัตราปุ๋ยที่ทดลอง ดังนี้
- ประสิทธิภาพเชิงสรีระจะมีค่าสูงสุด เมื่อใส่ปุ๋ยอัตราเหมาะสมให้พืชที่ขาดแคลนธาตุอาหาร จนสามารถเพิ่มความเข้มข้นของธาตุอาหารในพืชขึ้นมาอยู่ที่ระดับวิกฤตขาดแคลน (critical deficiency level) ซึ่งหมายถึงความเข้มข้นของธาตุอาหารเมื่อพืชมีการเจริญเติบโตร้อยละ 90 ของการเจริญเติบโตสูงสุด ทั้งนี้เนื่องจากผลผลิตพืชที่เพิ่มขึ้นจากการใช้ปุ๋ย (Yf – Yc)จะสูงมาก แต่ปริมาณธาตุอาหารในเนื้อเยื่อพืชเพิ่มขึ้นจากการใส่ปุ๋ย (Nf – Nc) มีน้อย
- ประสิทธิภาพเชิงสรีระจะต่ำถ้าใช้ปุ๋ยอัตราสูงมาก จนพืชสะสมธาตุอาหารในพิสัยเพียงพอ (sufficiency range) บริโภคฟุ่มเฟือย (luxury consumption range) หรือเพิ่มขึ้นจนเข้าสู่พิสัยเป็นพิษ (toxic range) เนื่องจากผลผลิตเพิ่มจากการใส่ปุ๋ย (Yf – Yc) เกือบเท่ากับกรณีแรก แต่ปริมาณธาตุอาหารในเนื้อเยื่อพืชเพิ่มขึ้นจากการใส่ปุ๋ย (Nf – Nc) สูงกว่ากรณีแรกมาก





